การศึกษาแบบมอนเตสซอรี ให้ความสำคัญกับ
- การเรียนรู้ " วิธีการเรียนรู้ การตั้งคำถาม การแก้ปัญหา การปรับตัว" แทนการ "เรียนรู้ข้อมูล" ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์การพัฒนาเด็กในยุคนี้ (แต่ไม่ได้แปลว่า ไม่ให้เด็กรู้ เด็กยังคงต้องเรียนรู้ความรู้วิชาการพื้นฐาน แต่เรียนในจังหวะของตนเอง ในวิธีที่ทำให้เด็กสงสัยอยากรู้เพิ่มเติม อย่างเป็นธรรมชาติ)
- การฝึกให้เด็กรู้จักคิดด้วยตัวเอง ซึ่งเราจะเห็นว่า ในยุคที่ AI ตอบคำถามเราได้ไม่รู้จบ คนที่ "รู้จักคิดวิเคราะห์ ตั้งคำถาม" จะได้เปรียบอย่างแน่นอน
- การส่งเสริม ให้ใจของเด็ก คิดอยากทำ คิดริเริ่ม ด้วยตัวเอง รวมทั้งรู้จักรับผิดชอบสิ่งที่ตนเองทำ (เมื่อเด็กรู้จักรับผิดชอบ เด็กจะพัฒนาการยั้งคิด ทำให้ปลอดภัยต่อสิ่งเร้าที่ไม่ดีด้วย) ในห้องเรียนมอนเตสซอรี เด็กๆ สามารถเลือกงานที่ตอบรับความต้องการภายในของตัวเองได้ ภายใต้กฏความปลอดภัยพื้นฐาน และกฏการใช้อุปกรณ์ในห้องเรียน เด็กๆจะพัฒนา "แรงบันดาลใจภายใน" เด็กๆขับเคลื่อนชีวิตของตนเองด้วยตนเอง ไม่ต้องรอการยอมรับ รอรางวัลจากผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณลักษณะพิเศษหนึ่งที่สำคัญมากในการพิจารณาจ้างงานในปัจจุบัน และเป็นคุณลักษณะที่เด่ดชัดของเหล่าผู้นำนักวิจัยนักคิดค้น
- ส่งเสริมการมีสุขภาพจิตที่ดี ในยุคที่สิ่งเร้ามีมากเกินไป ด้วยสิ่งแวดล้อมที่สงบ เป็นระเบียบเรียบร้อย และมีอุปกรณ์ที่เด็กได้ลงมือทำจริงๆ ทำให้เกิดสมาธิ (ที่เป็น Active concentration) ได้ง่าย รวมทั้งช่วยให้เกิดวินัยในตนเองด้วย การให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหว การเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัส ช่วยลดความเครียดความกังวล ที่เกิดจากการโดนสิ่งเร้ามากเกินไปได้
- พัฒนา "ทักษะทางสังคม" ที่จำเป็นมากๆในโลกปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากห้องเรียนแบบมอนเตสซอรีแท้ๆ ต้องเป็น "ห้องเรียนคละอายุ" เป็นการคละอายุเด็กที่อยู่ในช่วงพัฒนาการการเรียนรู้เดียวกัน การคละอายุ เป็นการจำลอง "สังคมเสมือนจริง" ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ การมีปฏิสัมพันธ์ การร่วมมือ การเจรจา กับทั้งคนที่อายุมากกว่า เท่ากัน และอายุน้อยกว่า เด็กๆเรียนรู้ การเข้าใจกันและกัน การเป็นผู้ตามและการเป็นผู้นำ แทนที่จะแข่งขันกันเพื่อเกรด เด็กๆเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันเป็นทีม แก้ปัญหาร่วมกัน
- มอนเตสซอรี ไม่ปฏิเสธ การใช้เทคโนโลยี แต่จะแนะนำเทคโนโลยีกับเด็กอย่างระมัดระวัง หลังจากเด็กๆได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นแล้วเช่น ทางประสาทสัมผัส การเคลื่อนไหว การคิดวิเคราะห์ เพื่อที่จะแน่ใจว่า "เทคโนโลยี จะเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้กับเรา ไม่ใช่สิ่งที่ดึงเราออกจากการเรียนรู้โลกความเป็นจริง"
- ทำให้เกิด "การสร้างสรรค์" ผ่านการสำรวจโลกความเป็นจริง คำว่า "ความคิดสร้างสรรค์ Creativity" ในมุมมองของมอนเตสซอรี ไม่ใช่การฟังนิทานที่มีเหตุการณ์ที่เกิดคาด ทำให้เด็กมีจินตนาการที่ผิดไปจากความเป็นจริง ความคิดสร้างสรรค์ในมุมมองของมอนเตสซอรี คือ การที่สมองสามารถดึงความรู้ความทรงจำขึ้นมา ประกอบกัน ในเชิงนามธรรม เพื่อใช้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ หรือใช้แก้ปัญหาได้ ดังนั้น ด้วยห้องเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็กได้สำรวจ ทดลองด้วยตนเอง ทำให้สมองถูกกระตุ้นความสามารถในการคิดริเริ่ม หรือก็คือ ความคิดสร้างสรรค์นั่นเอง ในโลกที่ "ความสามารถในการการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เทียบเท่ากับ เงินตราสกุลนึง " ความคิดสร้างสรรค์ จึงนับเป็น ความรู้ แขนงหนึ่ง
สรุป ทำไมมอนเตสซอรี จึงเหมาะกับเด็กในยุคนี้ ก็เป็นเพราะว่า มอนเตสซอรี ช่วยเตรียมเด็กให้ "ปรับตัวได้ มีสมาธิ มีความฉลาดทางอารมณ์ และมีความรักในการเรียนรู้" สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เด็ก "อยู่รอด" ได้ แต่ช่วยให้เด็กเติบโตได้ดี ในสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และยากจะคาดเดา
สรุปอีกครั้ง "เกมชีวิตเด็ก" ต้องปล่อยให้เด็กสู้เอง สิ่งที่ผู้ใหญ่ช่วยได้ คือเตรียมอุปกรณ์ภายใน เช่น สมาธิ วินัยในตนเอง ความมั่นใจ การคิดวิเคราะห์ การรู้จักปรับตัว
บทความโดย
ครูเอ็ม กัลยาภรณ์ เลิศชัยทวี